Yoast SEO Plugin คืออะไร ดูวิธีการใช้งาน ประโยชน์ที่มีต่อคนทำ SEO และคนทำเว็บไซต์ด้วย WordPress

Yoast SEO Plugin

เมื่อพูดถึงการทำเว็บไซต์ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องถึงขั้นไปนั่งเรียนเขียนโค้ดให้วุ่นวาย เราก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ง่าย จากการใช้ CMS หรือ Content Management System อย่าง ‘WordPress’ ในการทำและออกแบบเว็บไซต์ (อยากรู้ว่าใช้งานง่ายยังไง ลองอ่านบทความที่แมวส้มเคยเขียนอธิบายไว้แบบละเอียดได้ที่ WordPress คืออะไร WordPress ทําอะไรได้บ้าง ดูข้อดี-ข้อเสีย และวิธีใช้เบื้องต้น)

โดยการใช้งาน WordPress ไม่ได้มีข้อดีแค่ในเรื่องของการทำเว็บไซต์ได้เลยโดยไม่ต้องลงมือเขียนโค้ดเอง แต่ยังดีกับการทำ SEO ด้วยเพราะเราสามารถติดตั้งสิ่งที่เรียกว่า ปลั๊กอิน (Plugin) ได้นั่นเอง

และในบทความนี้ yenped จะมาแนะนำปลั๊กอินยอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้งานให้ได้รู้จักกันกับ “Yoast SEO Plugin” มาดูกันว่าจะใช้ยังไง และดีกับ SEO ยังไงบ้าง ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยดีกว่านะ

Yoast SEO Plugin คืออะไร

ที่มาภาพ: www.rakacreative.com

Yoast SEO Plugin คือ ปลั๊กอินหนึ่งที่สามารถใช้งานได้บน WordPress และเป็นเครื่องมือที่คนทำเว็บไซต์ทำการติดตั้งเพื่อช่วยในการทำ SEO ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพราะ Yoast SEO มีฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ช่วยปรับแต่งโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลัก SEO ผ่าน Checklist ต่างๆ ที่ทาง Yoast SEO แนะนำให้ ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์เป็นที่ถูกใจ Search Engine อย่าง Google และทำอันดับบน SERP ได้ดีขึ้นนั่นเอง

ข้อดีของการใช้งาน Yoast SEO Plugin

สำหรับข้อดีของการใช้งาน Yoast SEO Plugin สำหรับคนทำเว็บไซต์ด้วย WordPress จะมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ดังต่อไปนี้

1. ช่วยในการปรับแต่ง SEO ให้ง่ายขึ้น

Yoast SEO Plugin ช่วยให้การปรับแต่ง SEO เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยจะให้คำแนะนำทั้งเรื่องของ Keyword ในการเขียนเนื้อหา และมีตัวช่วยในการปรับแต่ง Meta DescriptionTitle Tag, URL ฯลฯ 

 2. ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา

Yoast SEO Plugin ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาที่คุณเขียน โดยจะให้คำแนะนำในการปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับ SEO โดยสามารถตรวจสอบได้ทุกครั้งที่คุณเขียนโพสต์หรือเพจ

3. ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ 

Yoast SEO Plugin ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาและสินค้าได้อย่างง่ายดาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโหลดเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย 

การใช้ Yoast SEO Plugin ในภาษาไทย

เนื่องจากเป็นปลั๊กอินต่างประเทศความเข้าใจใน Keyword ภาษาไทยจึงมีน้อย เรียกว่างูๆ ปลาๆ สุดๆ โดยปัญหาหลักๆ ที่เจอคือ เวลาเราทำการใส่ Focus Keyword ลงไปแล้วหวังให้ Yoast SEO ช่วยตรวจสอบ ส่วนใหญ่แล้วจะตรวจไม่ตรงกับความเป็นจริงเท่าไหร่ เช่น เราใช้ Focus Keyword เป็นคำว่า แมว แต่ถ้าเราพิมพ์เป็น แมวส้ม เจ้า Yoast SEO ก็จะหาคำว่าแมวในคำนั้นไม่เจอ ถ้าอยากจะให้นับคำนี้ด้วยจะต้องพิมพ์เว้นวรรคเหมือนกับภาษาอังกฤษ

ติดตั้ง Yoast SEO Plugin ยังไง

เห็นข้อดีของการใช้งาน Yoast SEO Plugin กันไปแล้ว มาดูกันต่อดีกว่าว่า จะติดตั้ง Yoast SEO ได้ที่ไหนและยังไงบ้าง โดยจะมี  ขั้นตอนให้ทำตามง่ายๆ ดังนี้ 

1. ทำการล็อกอินหลังบ้าน WordPress ที่คุณใช้งานอยู่

2. เลื่อนหาคำว่า Plugins ที่แถบเมนูด้านข้าง คลิกเข้าไป แล้วคลิกคำว่า Add New

3. ให้ดูที่ขวามือจะเห็นช่องสำหรับค้นหา Plugins ให้พิมพ์ Yoast SEO ก็จะมีปลั๊กอินของ Yoast ขึ้นมาให้ตามภาพข้างล่าง

4. กด Install Now เพื่อติดตั้งปลั๊กอิน

5. เสร็จแล้วจะมีคำว่า Activate ขึ้นมาให้คลิกเลย เท่านี้ก็ติดตั้ง Yoast SEO Plugin สำเร็จแล้ว

สอนวิธีใช้ Yoast SEO Plugin มือใหม่ก็ทำตามได้

ในด้านการใช้งาน Yoast SEO Plugin จะใช้เพื่อปรับปรุง On-Page SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

1. ทำความรู้จักหน้าตาเครื่องมือ Yoast SEO Plugin 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักหน้าตาเครื่องมือนี้กันสักหน่อย อันดับแรกให้คุณลองกดสร้างหน้าเพจหรือหน้าบล็อกขึ้นมา แล้วเลื่อนลงมาด้านล่างสุด จะเจอกับหน้าตาของเครื่องมือแบบนี้อยู่ด้านล่าง นี่แหละคือ Yoast SEO โดยในส่วนที่เราใช้บ่อยที่สุดคือ ส่วนนี้แหละ คือการแก้ไข On-Page ให้ดีขึ้นทั้ง Title, Description, URL ไปจนถึงการใช้คีย์เวิร์ดในเนื้อหา 

วิธีใช้ Yoast SEO Plugin

ที่มาภาพ: www.rakacreative.com

2. แก้ไข Title, Description และ URL ด้วย Yoast SEO Pluginสำหรับส่วนแรกที่เราสามารถทำการแก้ไขได้เลยก็คือส่วน Title, Description และ URL โดยคลิกเข้าไปที่ Edit Snippet แล้วทำการแก้ไขตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย 2. แก้ไข Title, Description และ URL ด้วย Yoast SEO Plugin

  • ส่วน SEO Title ทาง Yoast SEO จะมี default ขึ้นมาให้โดยจับจากชื่อบทความ หน้าเพจ และ ชื่อของเว็บไซต์ แต่มันมักจะยาวเกินกว่าที่ Google กำหนด ให้ทำการลบออกแล้วเขียนเองใหม่ได้เลย
  • ส่วน Slug URL คุณสามารถตั้ง URL ด้วยตัวเองได้จากการพิมพ์ลงไปในช่องนี้
  • ส่วน Meta Descriptiom จะเป็นส่วนใส่คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าเพจหรือบทความนี้

3. ใส่ Focus Keyword

สำหรับใครที่ทำ Keyword Research มาแล้วก็ต้องมี Focus Keyword ของแต่ละบทความแน่นอน ซึ่งให้คุณนำคีย์เวิร์ดนั้นมาใส่ในช่อง Keyphrase synonyms เพื่อตรวจสอบว่าบทความของคุณและ Keyword ที่ใช้เขียนนั้นปรับปรุงได้ตรงกับที่ Google ตั้งการหรือยัง โดยสามารถเช็กคุณภาพได้จาก Checklist ด้านล่าง ซึ่งจะมีการแบ่งให้ดูด้วยว่าคุณทำอะไรได้ดี อะไรยังพัฒนาได้อีก และอะไรควรปรับปรุง ซึ่งแยกจากสีของไฟที่เหมือนกับไฟจราจร

ที่มาภาพ: www.rakacreative.com

สีเขียว = ทำดีแล้ว

สีส้ม = พัฒนาได้อีก

สีแดง = ควรปรับปรุง

ซึ่งไฟแต่ละสีที่ขึ้นมาจะบอกให้ด้วยว่าคุณจะแก้ให้ไฟทั้งหมดกลายเป็นสีเขียวได้ยังไง ดังนี้

  • Outbound links คือ การระบุให้ใส่ Outbound links ในบทความ
  • Keyphrase length คือ การใส่ Keyword ที่มีความยาวพอดีกับบทความ
  • Keyphrases or synonyms appear in the meta description คือ การใส่ Keyword ลงไปใน Meta Description (ถ้าไม่มีปรากฏ ไฟจะขึ้นสีแดง)
  • Meta description length คือ ตรวจสอบความยาวของ Meta Description ว่าดีกับการทำ SEO หรือไม่
  • Previously used key phrase คือ การตรวจสอบให้แน่ใจว่า กำลังใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อนในบทความอื่นๆ ในเว็บไซต์
  • Text length คือ ตรวจสอบความยาวของบทความโดยจะต้องให้เขียนไม่น้อยกว่า 300 คำขึ้นไปจึงจะได้ไฟสีเขียว
  • Keyphrase in title คือ การตรวจสอบว่า ในบทความหรือคอนเทนต์มีการใส่คีย์เวิร์ดลงใน SEO Title หรือยัง
  • SEO title width คือ การตรวจสอบความยาวของ SEO title ว่ามีความยาวที่พอดีหรือไม่
  • Keyphrase in slug คือ การตรวจสอบคีย์เวิร์ดใน Slug ว่ามีความถูกต้องตรงกับคีย์เวิร์ดที่ใช้หรือไม่
  • Keyphrase in introduction คือ การตรวจสอบว่าใส่คีย์เวิร์ดในบทนำของย่อหน้าแรกหรือยัง
  • Keyphrase density คือ การตรวจสอบความหนาแน่นของการเขียน Keyword ในหน้านั้นๆ เพื่อไม่ให้ใส่เยอะหรือน้อยจนเกินไป
  • Keyphrase in subheading คือ ตรวจสอบว่าคีย์เวิร์ดที่ใช้ในบทความหรือคอนเทนต์มีอยู่ในส่วนของหัวข้อย่อย (H2, H3)หรือไม่
  • Image alt attributes คือ การตรวจสอบว่าทำการใส่ ALT ให้กับรูปภาพในบทความหรือยัง ถ้ายังไม่ใส่ให้กลับไปเพิ่มด้วย (ดูวิธีการทำที่ Alt Text คืออะไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง เกี่ยวกับเรื่อง SEO)
  • Internal links คือ การตรวจสอบว่ามี Internal Link ในหน้านั้นหรือไม่ อธิบายให้เข้าใจว่าง่าย คือ Link ไปในหน้าอื่น ภายในเว็บไซต์ของคุณนั่นเอง 

สรุปแล้วใช้ Yoast SEO Plugin ดีหรือไม่ มีเครื่องมือไหนน่าใช้อีกบ้าง

Yoast SEO Plugin เป็นปลั๊กอินที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยช่วยให้ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถปรับแต่ง Meta Description, Title Tag และ Keyword ของเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย และช่วยตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาที่คุณเขียน จากการให้คำแนะนำในการปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับ SEO ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้ทุกครั้งที่คุณทำการเขียนโพสต์หรือเพจ นอกจากนี้ Yoast SEO Plugin ยังช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาและสินค้าได้อย่างง่ายดาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโหลดเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย

แต่สำหรับใครที่อยากลองพิจารณาเลือกใช้ SEO Tools อื่นๆ ด้วย แมวส้มก็ทำการรวบรวมข้อดีและวิธีการใช้งานเครื่องมือ SEO ตัวอื่นไว้ให้แล้ว จิ้มที่ลิงก์เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยนะเมี้ยว~

แต่ถ้าหากว่าใครกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แนะนำให้ปรึกษาได้เลยครับ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

Picture of 9IDea

9IDea

9iDea ผู้หลงไหลในการทดสอบการทำ SEO จนเป็นนิสัย แถมยังเป็นผู้ชอบเล่าเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการทำ SEO และย่อมาให้อ่านกันแบบง่าย ๆ