วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ PBN หรือ ” Private Blog Network ” ให้ฟัง ในแบบที่ผมเข้าใจนะ ก็หวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านกันทุกคนนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
PBN คืออะไร
PBN ถูกย่อมาจากคำว่า ” Private Blog Network ” ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ เว็บเน็ตเสิร์คส่วนตัว นั่นเองครับ โดยจุดประสงค์หลักของการสร้าง PBN ขึ้นมาก็คือการทำอันดับ ให้กับเว็บไซต์ หลักของเรานั่นเองครับ
PBN มีกี่ประเภท
ปัจจุบันนี้ การทำ PBN หรือ ไพรเวท บล็อก เน็ตเวิค จะนิยมทำกันอยู่ 2 แบบครับ
- PBN แบบมีคุณภาพ
- PBN แบบไม่มีคุณภาพ
PBN แบบมีคุณภาพ
หลายคนสงสัยว่า .. การทำ PBN แบบมีคุณภาพ มีจริง ๆ หรอ ! หรือว่าเป็นนิยามที่แต่งขึ้นมาเอาเท่ห์เฉย ๆ โดยส่วนตัวของผม การทำ PBN แบบคุณภาพมีอยู่จริงนะ
สำหรับตัวผม PBN ที่มีคุณภาพ จะมีคุณสมบัติดังนี้ครับ
1.เป็นเว็บที่ มี Traffic
2.บทความในเว็บติดอันดับบน Google
3.มีคนใช้งานได้จริง ได้รับประโยชน์
ถ้าพูดแบบให้เข้าใจง่าย ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ ถูกสร้างมาเพื่อทำอันดับโดยตรง โดยใช้ Keyword เดียวกันกับเว็บหลัก คล้าย ๆ มีเว็บที่เกี่ยวข้องมาโยงลิ้งก์ให้ ก็อาจจะทำให้อันดับไต่ง่ายขึ้น
PBN แบบไม่มีคุณภาพ
สำหรับตัวผม PBN ที่ไม่มีคุณภาพ จะมีคุณสมบัติดังนี้ครับ
1.มีพลังเยอะ แต่ไม่มี Traffic
2.ไม่มีบทความที่ติด Google
3.เนื้อหาบนเว็บไซต์ใช้งานไม่ได้จริง
สเตตัส PBN ข้างล่างนี้ ถามว่าได้ผลมั้ย .. ” ถ้าเป็นตอนนี้ ก็ยังได้ผลอยู่ ” แต่จะต้องใช้ในจำนวนมาก ๆ ถึงจะเห็นผล ซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ข้อดี – ข้อเสีย การสร้าง PBN
ก่อนจะสร้าง PBN ผมอยากจะให้รู้ก่อนครับ บางคนสร้าง เครือข่ายบล็อกส่วนตัว แล้วได้อันดับดี ก็มี บางคนไม่ได้ผลก็มี ดังนั้น มาดูข้อดี ข้อเสียกันก่อนครับ
ข้อดี PBN
- สามารถควบคุม Anchor Text ได้อย่างอิสระ สามารถใส่ลิ้งก์ ถอดลิ้งก์ ได้ตามใจต้องการ / ในกรณีที่ algorithm seo เปลี่ยนก็สามารถเข้ามา custom แก้ไขได้ตลอดเวลา
- ในกรณีที่สร้าง PBN มีคุณภาพมีทราฟฟิค สามารถหารายได้เสริมได้ เช่นการทำ Google adsense , affiliate หรือแม้กระทั่ง มีคนขอมาลงบทความภายในเว็บไซต์
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ถ้าเทียบกับ ซื้อ Guest Post ” บางกรณี “
ข้อเสีย PBN
- ความเสี่ยงของการถูกลงโทษ ในกรณีทำแบบ ไม่มีคุณภาพ เนื้อหาสแปม / สปิน / อ่านไม่รู้เรื่อง
- ในกรณีที่สร้าง PBN แบบมีคุณภาพ อาจจะต้องเหนื่อย และเสียเงินเยอะมากกว่าปกติ
- PBN มีวันหมดอายุ พอใช้ไปนาน ๆ พลังก็เริ่มจะหมด อายุ PBN จะอยู่ราว ๆ 1-3 ปี (กรณีไม่มีคุณภาพ)
PBN สามารถหาได้จากไหน
ปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่นิยมเอา เว็บไซต์ เก่า ๆ ที่มีค่าพลังสูง ๆ มาทำ PBN กันครับ โดยจะไปหามาจากแหล่งอ้างอิงดังนี้
- domcop.com เสียเงิน
- expireddomains.net ฟรี !
ก็อย่างว่า มือใหม่ไม่ควรลองนะ เพราะมีความเสี่ยงในการโดนหลอกขายเว็บไซต์ได้ครับ เพราะมันมีพวกปั่นค่าพลังเว็บไซต์ด้วย
อาทิเช่น
www.maewsom.com ค่าพลัง 0 >> พวกก็เลยปั่นให้เว็บนี้มีค่า พลัง 60-70 เพื่อเก็งกำไร
หลังจากขายไปเรียบร้อยแล้ว มันก็จะเอาลิ้งก์ ที่ให้พลังออก เท่ากับว่า เว็บที่เราซื้อมา ไม่มีค่าอะไรเลย เสียเงินฟรี !
วิธีการเช็ค แนะนำให้ไปดูที่ Backlink ให้ไปดูว่า ลิ้งก์ที่ชี้มา มันมีรูปแบบใกล้เคียงกันหรือไม่ ประมาณมาจากเว็บหน้าตาคล้าย ๆ กัน
PBN ควรใช้โดเมนเก่า หรือ จด โดเมนแบบใหม่
โดเมนเก่า : เมื่อก่อนทำอันดับได้ดี ปัจจุบันก็ยังทำได้อยู่ครับ แต่น้อยลงมาก ๆ วิธีทำก็ง่าย ๆ ซื้อเว็บไซต์เก่ามา ใส่เนื้อหาแล้วทำ Backlink ก็สามารถทำอันดับได้ทันที
แต่ก็อย่างว่าครับ การทำ PBN ในรูปแบบนี้ ถือว่าเข้าข่ายการทำ ไพรเวท บล็อก เน็ตเวิค แบบไม่มีคุณภาพ ซึ่งผลที่มันตามมา ก็คือ ไม่ยั่งยืนนะครับ
โดเมนใหม่ : ปัจจุบันคนนิยม เริ่มกลับมาทำครับ แต่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ เหมาะสำหรับการทำ SEO ในระยะยาวครับ
วิธีการนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีทุน หรือมีทีมงาน Support ในกรณีที่เว็บติดอันดับแล้ว ก็จะ มีอายุที่ยืนยาว และสามารถ หารายได้เพิ่มด้วยครับ ตามที่กล่าวเอาไว้ข้างบน
ปัจจุบันนี้ ที่คนนิยมกัน จะเลือก ใช้โดเมนเก่าครับ เพราะมีความเชื่อว่า จะทำอันดับได้ง่ายขึ้น แต่จะอยู่ไม่ยืนยาว / เสี่ยงต่อการถูกลงโทษ
สรุป
สำหรับใครที่กำลังเริ่มทำ ก็อยากให้ศึกษาให้ละเอียดกันก่อนนะครับ เพราะการทำ PBN มันก็เหมือนกับการโกง Google นั่นเองครับ ทุกอย่างล้วนแล้วมีความเสี่ยง
การทำ ” Private Network Blog “แ แต่มีทั้งข้อดี-และข้อเสีย ก็หวังว่าวันนี้คงจะได้ ความรู้เกี่ยวกับการทำ PBN มากยิ่งขึ้นนะครับ สำหรับวันนี้ขอตัวล่าไปก่อน ไว้พบกันในบทความหน้าสวัสดี
แต่ถ้าหากว่าใครกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แนะนำให้ปรึกษาได้เลยครับ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย