Social Media Optimization
สำหรับใครที่ทำเว็บไซต์ ทำคอนเทนต์ หรือปั่นช่องทางออนไลน์สำหรับทำธุรกิจ แล้วลองใช้ Digital Marketing ในการทำการตลาดมามากมายไม่ว่าจะเป็น SEO, SEM หรือการใช้ Social Media ต่างๆ มาแล้ว แต่อยากจะหากลยุทธ์การทำการตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้น
บทความนี้ Maewsom เลยไม่พลาดที่จะหยิบเอาอีกหนึ่งเทคนิคที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาอธิบายให้ฟัง นั่นคือ การทำ Social Media Optimization มาดูกันว่าเทคนิคนี้ทำอย่างไร และมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยนะ
SMO หรือ Social Media Optimization คือ กระบวนการใช้โซเชียลมีเดียเป็นสื่อกลางในการขยายการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในโลกออนไลน์ ด้วยการโฟกัสใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media Platform)
เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube ฯลฯ ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไปจนถึงการทำให้ผู้เข้าในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เข้ามายังเว็บไซต์ได้อีกช่องทางหนึ่ง
ในฝั่งของการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เองก็ได้อานิสงส์ของการทำ Social Media Optimization มาด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะการทำ SMO มีส่วนช่วยทำให้เว็บไซต์เชื่อมโยงกับบรรดา Social Network ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่องทางเหล่านั้นถูกค้นเจอบน Search Engine ได้เยอะขึ้น และยังสร้างโอกาสที่ทำให้เกิดการทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นอีกด้วย
ธุรกิจควรทำ Social Media Optimization หรือ Search Engine Optimization?
หลายคนอาจสงสัยว่า ควรเลือกทำ Social Media Optimization หรือ Search Engine Optimization มากกว่ากัน? เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ขอธุรกิจ เช่น ถ้าคุณต้องการสร้างแรงกระเพื่อม เน้นใช้กระแสแบบมาไวไปไว
มีทีมครีเอทีฟที่มากพอจะทำคอนเทนต์ส่งต่อไปยังแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างเหมาะสม เทคนิคแบบ SMO ก็เหมาะสมกว่า เพราะค่อนข้างถูกกว่า SEO และสามารถสร้างผลลัพธ์ได้เร็วกว่า
แต่ SEO เป็นวิธีที่ใช้ได้นานและเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่าในระยะยาว แถมไม่จำเป็นต้องเล่นตามกระแสอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่เน้นการทำ Evergreen Content ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และทำอย่างถูกหลักการทำ On-Page SEO แล้วเน้นปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอก็ช่วยทำให้ คอนเทนต์นั้นอยู่ยงคงกระพันบนหน้า SERPs ได้ แน่นอนว่า ส่งผลต่อ Traffic ที่เข้ามาในเว็บไซต์ในระยะยาวได้อีกด้วย
ดังนั้น ทางที่ดีคือ ควรใช้ทั้งเทคนิค SEO และ SEO ควบคู่กันไป เพื่อส่งเสริมเกมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยอาจจะแบ่งสัดส่วนของการทำการตลาดให้เหมาะสม
เช่น ในช่วงแรกเน้นทำเว็บไซต์และปูพื้นฐาน SEO บางส่วนก่อน แล้วทำ SMO เพื่อทำให้คนรู้จักและ Lead ให้คนเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของคุณ อาจมีการเก็บ Lead เพื่อนำมา Retargeting ภายหลังเพิ่มเติม ก็จะช่วยให้การทำการตลาดครบลูป Marketing Funnel ได้มากยิ่งขึ้น
รวมเทคนิค Social Media Optimization ที่สนับสนุนการทำ SEO ให้ดีขึ้น!
เอาล่ะ! มาถึงหัวข้อที่หลายคนรอกับเทคนิคการทำ Social Media Optimization ให้ประสบความสำเร็จ และไม่ใช่แค่นั้น เราจะมัดรวมเอาเทคนิค SMO ที่ดีต่อ SEO มาไว้ให้ด้วย จะทำอะไรได้บ้าง ลองไปดูพร้อมกันเลยดีกว่านะเมี้ยว~
- สร้าง Asset ที่ช่วยเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์
จากประสบการณ์ของแมวส้ม หากคุณต้องการเรียก Traffic จากโซเชียลเน็ตเวิร์กให้เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณ นอกจากการแชร์โพสต์ต่างๆ ทั่วไป เช่น Single Post, Photo Alubum, Link Post ฯลฯ
แนะนำให้ลองยกระดับการทำคอนเทนต์ของคุณให้ Advance มากขึ้นด้วยการทำคอนเทนต์ที่ต้องกดเข้าเว็บไซต์เท่านั้นถึงจะได้เห็นหรือให้ดาวน์โหลด เช่น การทำ E-book, White paper ให้ความรู้, Content Pillar ฯลฯ
เพราะคอนเทนต์เหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นให้คนเข้าเว็บไซต์ได้มาก แถมคุณยังทำฟอร์มให้กรอกรายละเอียดบางอย่างเพื่อนำมาทำ Retargeting ภายหลังได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ HubSpot เวลาทำคอนเทนต์อะไรมักจะแนบ E-Book เอาไว้ให้ดาวน์โหลดเพื่อทำ Lead Generation เอาไว้ เวลานำคอนเทนต์ไปแชร์ก็ช่วยทำให้คนสนใจและเข้ามายังเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น เพื่อดาวน์โหลดคอนเทนต์คุณภาพเหล่านี้
- ทำคอนเทนต์เรียก Backlink
การได้ Backlink กลับมายังเว็บไซต์โดยธรรมชาติย่อมส่งเสริมให้ Domain Rating ของเว็บไซต์ดีขึ้น ดังนั้น คุณต้องสร้างคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการแชร์ต่อไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ง่าย เช่น ไฟล์ PDF, ไฟล์เสียง, วิดีโอ ฯลฯ ที่มากกว่าการเขียนคอนเทนต์ปกติก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้คนแชร์ต่อ นำไปพูดถึงต่อ และส่ง Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น
- ทำโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ให้เป็นแหล่งข้อมูล
เวลาคุณค้นหาเรื่องอะไรบางอย่างก็มักจะเจอ Wikipedia ขึ้นมาให้ข้อมูล (ถึงจะดูไม่น่าเชื่อถือไปบ้างก็เถอะ) ดังนั้น คุณก็ควรจะลองทำตัวเป็น Wikipedia ในเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญดูบ้าง เช่น ทำคอนเทนต์แบบย่อๆ ลงโซเชียลมีเดียแล้ว Lead ให้เข้ามาอ่านต่อในเว็บไซต์เรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อคุณมีคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มเป้าหมายมากพอทั้งในโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ คุณจะกลายเป็น Top of mind ในใจของพวกเขา และจะส่ง Backlink กลับมาให้แน่นอน
อย่างแมวส้มเองก็พยายามทำ Content Hub สำหรับคนสนใจด้าน SEO อยู่ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลดีๆ สำหรับคนที่อยากจะทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ (หรือถ้าอยากปรึกษาก็ทักมาใน ได้เลย) ถ้าสนใจลองเข้าไปอ่านเนื้อหาบทความ SEO ดูได้ในหน้า Home เลย!
4.ทำปุ่ม Social Share บนเว็บไซต์และเพิ่มเว็บไซต์ไว้ใน Social Media
ถ้าอยากจะเชื่อม SMO และ SEO เข้าด้วยกันก็ควรที่จะทำให้การส่งต่อข้อมูลไปยังช่องทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียเป็นไปอย่างง่ายดาย อย่างการทำปุ่ม Social Share บนเว็บไซต์เพื่อที่จะช่วยให้คนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ สามารถกดแชร์บทความที่อยู่ในเว็บไซต์ได้เลย
และในโซเชียลมีเดียเองก็ควรที่จะมีการทำลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณด้วย เพื่อเป็นการบอกให้ผู้คนที่ติดตามคุณในแพลตฟอร์มต่างๆ รับรู้ว่าคุณเองก็มีเว็บไซต์ให้เข้ามาดูข้อมูลด้วยเช่นกัน
- ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียช่วยโปรโมตโพสต์ที่พูดถึงคุณ
ทุกวันนี้การใช้ Influencer ดูจะเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดที่นิยมเป็นอย่างมาก และถ้าหากคุณเห็นแล้วว่ามีใครที่กล่าวถึงสินค้า บริการ หรือแบรนด์ของคุณในทางที่ดีก็ไม่ควรที่ละเลยโพสต์เหล่านั้น
ควรที่จะโปรโมตเนื้อหาที่ User คนนั้นได้รีวิวไว้ด้วยการแชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียหรือบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าแบรนด์ของคุณมีความใส่ใจ และในอนาคตอาจมีการได้ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของคุณได้จากบุคคลกลุ่มนี้จากความรู้สึกประทับใจที่สร้างไว้นั่นเอง
สรุป
สุดท้ายนี้ จะเห็นแล้วว่า SMO หรือ Social Media Optimization คือเทคนิคการทำการตลาดที่เน้นโฟกัสการใช้ Social Network ในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อเข้าหากลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube ฯลฯ ล้วนใช้ในการสร้าง Brand Awareness, Engagement, Consideration และ Conversion ด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว
แต่สำหรับธุรกิจที่ทำ SEO อยู่ก่อน การทำ SMO ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ SEO ได้ด้วยอย่างที่แมวส้มนำเสนอไปในบทความนี้
ก็หวังว่าจะลองหยิบเทคนิคต่างๆ ในบทความนี้ไปลองใช้กัน ได้ผลแบบไหนก็อย่าลืมกลับมาบอกกันบ้างนะ