WordPress
มีใครอยากทำเว็บไซต์บ้างยกมือขึ้น!
แน่นอนว่า กดเข้ามาอ่านบทความนี้ ต้องมีความคิดแล้วแหละว่าอยากจะสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ว่าแต่ การใช้ WordPress นี้ดียังไง WordPress คืออะไร เราไม่จำเป็นต้องเขียนเว็บไซต์เองแล้วเหรอ และถ้าจะใช้ WordPress ในการเขียนเว็บไซต์เพื่อทำอันดับบน Search Engine อย่าง Google มีอะไรต้องรู้บ้าง
WordPress คืออะไร
ที่มาภาพ: kinsta.com
WordPress คือ เว็บไซต์ที่เรียกว่า Contents Management System หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า CMS แบบที่คนไม่รู้เรื่อง Coding ก็สามารถใช้ WordPress ในการสร้างเว็บไซต์ได้ ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็เป็นเหมือนโปรแกรมสำเร็จรูปที่ให้เราเข้าไปสร้างหน้าเว็บไซต์ สร้างบล็อก ลงรูปภาพ แบบที่ไม่ต้องเสียเวลาเขียนเว็บไซต์ขึ้นมาเอง เพราะ WordPress เขามีองค์ประกอบหลัก 3 อย่างที่ช่วยให้ทุกคนเข้าไปทำเว็บเองได้ง่ายๆ เลย นั่นคือ
- WordPress core engine จะเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการหน้าต่างๆ ทั้งหน้า Landing Page และ Post
- Theme จะเป็นส่วนของดีไซน์หน้าตาของเว็บไซต์มีให้เลือกใช้เยอะแยะมากมาย ทั้งในแบบฟรีและเสียเงิน แถมยังปรับแต่งธีมเองได้อีกด้วย
- Plugin จะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความสามารถให้กับเว็บไซต์ เช่น ทำหน้ารายการสินค้า, ใส่ปลั๊กอินเพื่อช่วยในเรื่องของการทำ SEO เป็นต้น
นอกจากนี้ WordPress ยังมีระบบหลังบ้านที่ใช้จัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้เลย โดยไม่ต้องโหลดโปรแกรมมาลงเครื่องหรือนั่งเขียนโค้ดเองให้เสียเวลา
ข้อดี-ข้อเสียของ WordPress
ข้อดีของการใช้งาน WordPress
- ไม่ต้องเสียเงินจ้างโปรแกรมเมอร์
อย่างที่รู้กันอยู่ว่าถ้าจ้างโปรแกรมเมอร์ในการทำเว็บไซต์อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง การใช้ WordPress จึงเหมาะกับคนที่อยากลดค่าใช้จ่ายในการสร้างเว็บไซต์ เพราะเป็น Opensource ที่เข้าไปใช้งานได้ฟรี จึงช่วยประหยัดงบในส่วนนี้ลงไปได้เยอะมากเลยทีเดียว
- ดีไซน์สวยงาม เลือกได้ตามใจชอบ
เพราะ WordPress มีธีมให้เลือกใช้งานเยอะแยะ แถมยังปรับแต่งได้ด้วยตัวเอง จึงช่วยทำให้เว็บไซต์ดูสวยงามโดยไม่ต้องพึ่งพา UX/UI ในการออกแบบให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุม
การที่ WordPress มีปลั๊กอินมากมายให้เลือกติดตั้ง เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสมกับแต่ละเว็บไซต์ได้มากขึ้น มีส่วนช่วยให้ทำเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันหลากหลายได้ง่ายมากกว่าที่เคย เช่น การทำระบบซื้อ-ขายสินค้าบนเว็บไซต์ เป็นต้น
- มีการอัปเดตเวอร์ชันอยู่ตลอดเวลา
เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก WordPress จึงทำการอัปเดตเวอร์ชันเพื่อความปลอดภัยและทำให้ใช้งานง่ายมากขึ้นอยู่เสมอ ทำให้ผู้ใช้งานไว้วางใจได้ อีกทั้งหากเกิดเผลอลบหรือทำผิดพลาดไปก็สามารถกู้คืนเนื้อหาเดิมกลับมาได้อีกด้วย
- รองรับการใช้งานในทุกอุปกรณ์
SEO ให้ความสำคัญกับการทำ Mobile Friendly หากคุณใช้งาน WordPress จะมีข้อดีตรงที่ธีม WordPress ส่วนมากจะรองรับและปรับขนาดให้เข้ากับอุปกรณ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ จึงไม่ต้องมาปรับแต่งหน้าตาของเว็บไซต์แยกในแต่ละอุปกรณ์
- ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง
ใครไม่มีทักษะด้านการเขียนโปรแกรมหรือ Coding ก็สามารถลงมือทำเว็บไซต์ WordPress ได้ เพราะหลังบ้านที่เป็นตัว Eidtor ส่วนใหญ่ออกแบบมาในรูปแบบ Drag and drop ก็คือลากชิ้นส่วนต่างๆ ที่อยากได้แล้วเอามาวางเป็นดีไซน์ของเว็บไซต์ได้เลย
ข้อเสียของการใช้งาน WordPress
- มักมีปัญหาจากการอัปเดต
WordPress มักทำการอัปเดตเวอร์ชันอยู่บ่อยๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ทำให้เว็บไซต์ต่างๆ เกิดความผิดปกติตามมาได้ ทางที่ดีควรทำการสำรองไฟล์เว็บไซต์ในเวอร์ชันเดิมเอาไว้ก่อนจะกดทำการอัปเดตทุกครั้ง เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
- มีข้อจำกัดในการปรับแต่งบางอย่าง
ธีม WordPress หรือปลั๊กอินในเวอร์ชันฟรีจะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ในเวอร์ชันเสียเงินได้ ทำให้บางครั้งต้องทำการจ่ายเงินซื้อเพิ่ม
- ถ้าติดปลั๊กอินเยอะจะทำให้เว็บไซต์โหลดช้า
หากทำการติดปลั๊กอินจำนวนมากจะส่งผลกระทบให้เว็บไซต์ช้า ทำให้หลายคนเลือกที่จะจ่ายเงินซื้อปลั๊กอินที่สามารถจัดการเว็บไซต์ได้หลายฟังก์ชันมากขึ้น เพื่อที่เว็บไซต์จะได้โหลดเร็วมากขึ้นเนื่องจากปลั๊กอินที่ติดตั้งมีจำนวนน้อยลงนั่นเอง
WordPress ทําอะไรได้บ้าง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าใช้ WordPress ทําเว็บไซต์อะไรได้บ้าง ก็ต้องบอกว่าใช้ทำเว็บไซต์ได้เกือบทุกประเภทเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่างเช่น
เว็บไซต์บล็อก (Blog)
เว็บบล็อกจะเป็นเว็บประเภทให้ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ เขียนบทความ SEO หรือทำบล็อกรีวิว ไปจนถึงเสนอความคิดเห็นก็ได้ ยกตัวอย่างเว็บไซต์ yenped เองก็เป็นเว็บประเภทนี้ด้วยเหมือนกัน
เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ (Business Website)
สำหรับธุรกิจไหนที่ต้องการเพิ่มยอดขายหรือสร้าง Brand Awareness ด้วยการทำ SEO หรือ SEM ก็สามารถใช้ WordPress ในการสร้างเว็บไซต์ของธุรกิจขึ้นมาได้ ซึ่งจะสร้างเว็บไซต์เองหรือจะใช้บริการรับทำเว็บไซต์ WordPress จากผู้เชี่ยวชาญก็ได้ แถมในเว็บไซต์อาจจะใส่ช่องกรอกฟอร์มให้คนเข้ามาติดต่อ การกดขอใบเสนอราคา หรือทิ้งอีเมลเอาไว้เพื่อให้ติดต่อกลับก็ได้เช่นกัน
เว็บไซต์ขายของออนไลน์ (E-Commerce)
WordPress มีปลั๊กอินหลายแบบที่รองรับการสร้างเว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้ เช่น WooCommerce ทำให้สามารถสร้างลิสต์รายการสินค้า กดสินค้าลงตะกร้า ไปจนถึงสร้างให้กดชำระเงินผ่านเว็บไซต์เลยก็ได้เช่นกัน
สมัครใช้ WordPress ยังไง
สอนสมัครใช้ WordPress ในเวอร์ชันฟรี
- เข้าไปที่ www.wordpress.com แล้วทำการกด Get Started ได้เลย
- เลือกวิธีการล็อกอินเข้าใช้งาน WordPress โดยจะเลือกได้ทั้งเข้าใช้งานด้วยการพิมพ์อีเมล สมัครผ่าน Google Account หรือจะใช้ Apple ID ในการสมัครก็ได้
- ทำการกรอกโดเมนที่จะใช้หลังจากนั้นจะมีชื่อโดเมนทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรีขึ้นมาให้เลือก ให้เลือกชื่อโดเมนที่ต้องการ
- ทำการเลือก Goal ที่ทำเว็บไซต์แล้วกด Contunue
- ตั้งชื่อบล็อก สโตร์ หรือเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงใส่ Tagline ให้เรียบร้อย แล้วกด Continue
- หลังจากนั้นจะมีดีไซน์ของเว็บไซต์มาให้เลือก โดยสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะเป็นธีมเว็บไซต์แบบไหน เช่น เป็น บล็อก สโตร์ ธุรกิจ ฯลฯ
- เมื่อเลือกหน้าตาเว็บไซต์ที่ต้องการ รวมถึงปรับแต่งสีตามที่อยากได้แล้วก็กด Continue
- หลังจากนั้นจะเป็นการพาเข้าสู่หน้า Dashboard หลังบ้านที่สามารถตั้งค่าการใช้งาน ดีไซน์หน้าตาเว็บไซต์ ไปจนถึงติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมได้แล้ว
สอนสมัครใช้ WordPress ในเวอร์ชัน Advanced
แต่สำหรับใครที่อยากทำเว็บไซต์แบบจบๆ และคาดหวังว่าจะทำ Performance ด้าน SEO ดีๆ ด้วย แนะนำให้ลองทำตาม Checklist ด้านล่างนี้ได้เลยนะเมี้ยว~
- ทำการจดโดเมน โดยเข้าไปซื้อโดเมนที่ต้องการได้ตามเว็บไซต์ผู้ให้บริการ เช่น namecheap, godaddy เป็นต้น โดยมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 400 – 1000 บาท ขึ้นอยู่กับนามสกุลของเว็บไซต์ที่เลือกใช้ เช่น .com, .net, .info ฯลฯ
- ทำการเลือกเช่า Hosting หรือพื้นที่สำหรับจัดเก็บเว็บไซต์ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายเจ้า แนะนำให้เลือก Hosting ที่น่าเชื่อถือ มีคนคอยตอบคำถาม และเป็น Hosting ของเว็บไซต์ในประเทศที่เราจะทำเว็บไซต์ในพื้นที่นั้นๆ อย่างเช่น ในไทยเราก็มี Hosting ให้เลือกหลายเจ้า เช่น HostAtom, Rukcom ฯลฯ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1500 – 3000 บาท แล้วแต่แพ็คเกจที่เลือก
- ตั้งค่า Nameserver ให้เว็บไซต์
- ทำ HTTPS ให้กับเว็บไซต์
- ทำการสมัคร WordPress ให้เรียบร้อย และทำการเลือกธีมโดยธีมที่มีฟังก์ชันสนับสนุนสำหรับการปรับแต่งหน้าตาต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นธีมที่เสียเงิน โดยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-2,500 บาท
หลังจากนั้นลองดูวิธีการใช้งาน WordPress เบื้องต้นในหัวข้อถัดไปได้เลย
สอนวิธีใช้ WordPress
1. เข้าสู่เว็บไซต์
หากต้องการล็อกอินเข้าสู่ WordPess ให้พิมพ์ https://wordpress.com/wp-admin แล้วใส่ Username และ Password ได้เลย
2. เรียนรู้ระบบหลังบ้าน
เมื่อเข้าสู่หลังบ้านจะเห็นแถบเครื่องมือฝั่งซ้ายมือ ซึ่งเราจะใช้สำหรับตั้งค่าหรือจัดทำหน้าเว็บไซต์ต่างๆ โดยจะมีส่วนสำคัญๆ ที่ต้องทำความรู้จัก ดังนี้
- Posts เป็นหน้าจัดการโพสต์ต่างๆ อย่างเช่น โพสต์บล็อกบทความ
- Media จะเป็นส่วนอัปโหลดรูปหรือวิดีโอ หรือไฟล์ต่างๆ เข้ามายังเว็บไซต์
- Pages จะเป็นหน้าสำหรับสร้าง Landing page ของเว็บไซต์
- Comments จะเป็นส่วนคอมเมนต์ที่มีเข้ามายังเว็บไซต์ ซึ่งจะเลือกแสดงหรือลบออกก็ได้
- WooCommerce ใช้สำหรับจัดการสินค้าสำหรับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์
- Appearrence ใช้สำหรับปรับแต่งธีม
- Plugin ใช้สำหรับติดตั้งปลั๊กอินเสริมประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์
- Users ใช้สำหรับจัดการ User อย่างการเพิ่ม Member Team เข้ามา
- Settings จะเป็นการตั้งค่าต่างๆ เช่น ตั้งค่าการอ่าน การเขียน ใส่รูปโปรไฟล์ ภาษา ฯลฯ
3. ตั้งค่าเว็บไซต์พื้นฐาน
ในอันดับแรกเรามาทำการ Settings ค่าต่างๆ ของเว็บไซต์กันก่อน โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีดังนี้
- Site Title: ใส่ชื่อเว็บไซต์ลงไป
- Site Tagline: เขียนคำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับธุรกิจลงไป
- Site Address: ใส่ชื่อเว็บไซต์
- Site Language: เลือกภาษาที่ต้องการใช้
- Time zone: เลือกโซนเวลาของเว็บไซต์
เมื่อตั้งค่าพื้นฐานเรียบร้อยแล้วก็กด Save Settings ได้เลย
4. ทำการสร้างหน้าเพจ (Page) และหน้าโพสต์ (Post)
ลองตั้งค่าหน้าเพจ (Page) และหน้าโพสต์ (Post) ด้วยวิธีการตามนี้
หน้าเพจ (Page)
- ให้เข้าไปที่ Pages แล้วคลิก Add new Page
- ทำการปรับแต่งหน้าตาของเพจได้ตามใจชอบ โดยเลือกใส่ Element ที่ต้องการได้ในรูปแบบ Drag & Drop ได้เลย
- โดยหน้าเพจที่สร้างจะเป็นหน้าที่ขึ้นมาอยู่ใน Menu Bar ด้านบนเรียกว่าเป็นหน้าหลักของเซอร์วิสนั่นเอง
หน้าโพสต์ (Post)
- ให้เข้าไปที่ Posts แล้วกดที่ปุ่ม Add new post
- หน้า Editor ของโพสต์จะเป็นหน้าสำหรับเขียนบทความ ซึ่งก็แล้วแต่ตัว Page Builder ที่เจ้าของเว็บไซต์เลือกใช้เลยว่าจะมีหน้าตาให้ตั้งค่าหน้าบทความแบบไหน
- สำหรับวิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อทำอันดับบน Google นั้นสามารถดูวิธีการเขียนได้เลยที่ บทความ SEO คืออะไร ดูวิธีเขียนบทความ SEO แบบละเอียดตามหลักการทำ On-Page
- เมื่อเจอแล้วให้ทำการกด Activate ตัวปลั๊กอินแล้วใช้งานได้เลย (สำหรับใครที่อยากรู้ว่า Yoast SEO Plugin ทำอะไรได้บ้าง ลองเข้าไปอ่านบทความ … นี้เลยแมวส้มทำสรุปไว้ให้เรียบร้อยแล้ว)
สรุป
สรุปแล้ว WordPress คือ โปรแกรมที่ช่วยทำให้ทุกคนลงมือทำเว็บไซต์ด้วยตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดเลย เพราะ WordPress มีฟังก์ชันรองรับการใช้งานด้วยการสร้างเองทั้งหมด
เนื่องจากเป็น CMS ที่มีทั้งธีม ปลั๊กอิน รวมถึงระบบหลังบ้านและซอฟต์แวร์ครบ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีเว็บไซต์แต่เขียนโค้ดเองไม่ได้ แค่ลงทุนซื้อโดเมน Hosting สมัคร WordPress รวมถึงธีมอีกนิดหน่อยก็สามารถสร้างเว็บไซต์สวยๆ แถมยังช่วยให้ติดหน้าแรกบน SERPs ของ Google ได้แล้วล่ะเมี้ยว~
แต่ถ้าหากว่าใครกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO อยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แนะนำให้ปรึกษาได้เลยครับ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย